diat and recipes

การควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิค

อาหารคีโตเจนิค คืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก และมีไขมันสูง มันเกี่ยวข้องกับการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตอย่างหนักและแทนที่ด้วยไขมัน การลดคาร์บนี้ทำให้ร่างกายของคุณอยู่ในภาวะการเผาผลาญที่เรียกว่า คีโตซิส เมื่อภาวะนี้เกิดขึ้น ร่างกายของคุณจะเผาผลาญไขมันเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม และยังเปลี่ยนไขมันไปเป็นคีโตนในตับ ซึ่งช่วยลำเลียงพลังงานไปสู่สมอง คีโตซิส คือภาวะการเผาผลาญที่ร่างกายของคุณ ใช้ไขมันเป็นพลังงานแทนคาร์บ ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเมื่อคุณลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลงอย่างมาก จำกัดการให้กลูโคส(น้ำตาล) กับร่างกาย ซึ่งคือแหล่งพลังงานหลักของเซลล์ การคุมอาหารแบบคีโตเจนิค คือวิธีที่ได้ผลดที่สุดที่จะได้ภาวะคีโตซิส โดยทั่วไปแล้ว วิธีนี้ก็คือการจำกัดคาร์โบไฮเดรตให้อยู่ที่ประมาณ 20-50 กรัมต่อวัน และเพิ่มไขมัน เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่ว และน้ำมันที่ดี

นี่คือตัวอย่างอาหารที่ต้องลดหรืองด เมื่อทำการควบคุมอาหารแบบคีโตเจนิค

  • อาหารที่มีน้ำตาล :โซดา น้ำผลไม้ น้ำปั่น เค้ก ไอติม ลูกกวาด ฯลฯ
  • ธัญพืชและแป้งสตาร์ซ :ผลิตภัณฑ์จากแป้งสาลี ข้าว พาสต้า ซีเรียล ฯลฯ
  • ผลไม้ : ผลไม้ทั้งหมด ยกเว้น ตระกูลเบอร์รี เช่น สตรอเบอร์รี ในปริมาณที่เล็กน้อย
  • ถั่วฝักและตระกูลถั่ว : ถั่วเมล็ดกลม ถั่วแดงหลวง ถั่วเลนทิล ถั่วลูกไก่ ฯลฯ
  • ผักที่กินรากและพืชหัว : มันฝรั่ง มันหวาน แครอท หัวผักกาด ฯลฯ
  • อาหารไขมันต่ำหรืออาหารลดน้ำหนัก : มายองเนสไขมันต่ำ น้ำสลัด และเครื่องปรุง
  • เครื่องปรุงหรือซอส : ซอสบาบีคิว มัสตาร์ทน้ำผึ้ง ซอสเทอริยากิ ซอสมะเขือเทศ ฯลฯ
  • ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ : น้ำมันพืชที่ผ่านกระบวนการ มายองเนส ฯลฯ
  • แอลกอฮอล์ : เบียร์ ไวน์ เหล้า เครื่องดื่มผสม
  • อาหารที่ปราศจากน้ำตาล : ลูกอมไร้น้ำตาล ไซรัป พุดดิ้ง สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ของหวาน ฯลฯ

คุณควรจะจัดมื้ออาหารของคุณ โดยยึดอาหารเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่

  • เนื้อสัตว์ : เนื้อแดง สเต็ก แฮม ไส้กรอก เบคอน ไก่ และไก่งวง
  • ปลาที่มีไขมันสูง : แซลมอน เทราท์ ทูนา และแมคเคอเรล
  • ไข่ : ไข่จากไก่ที่ถูกเลี้ยงแบบอิสระ หรือไข่โอเมกา3
  • เนยและครีม :เนยจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้า และเฮฟวี่ครีม (ไขมันเนย เป็นครีมที่มีปริมาณไขมันเนยประกอบอยู่ไม่น้อยกว่า 48 เปอร์เซ็นต์    
  • ชีส : ชีสธรรมชาติไม่ผ่านกระบวนการ ได้แก่ เชดด้าชีส ชีสนมแพะ ครีมชีส บลูชีส หรือ มอสซาเรลล่า
  • ถั่วและเมล็ดพืช : อัลมอนด์ วอลนัท เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดฟักทอง เม็ดเจีย ฯลฯ
  • น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ : น้ำมันมะกอกเอ็กตร้า เวอร์จิน น้ำมันอโวคาโด
  • อโวคาโด : อโวคาโดทั้งลูก หรือกัวคาโมเลทำสด
  • ผักคาร์บต่ำ : ผักสีเขียว มะเขือเทศ หอม พริกไทย ฯลฯ
  • เครื่องปรุง : เกลือ พริกไทย สมุนไพร เครื่องเทศ

วันจันทร์

  • มื้อเช้า : มัฟฟินผักและไข่ กับมะเขือเทศ
  • มื้อเที่ยง : สลัดไก่กับน้ำมันมะกอก เฟต้าชีส มะกอก และผักสลัดเคียงอื่นๆ
  • มื้อเย็น : แซลมอนกับหน่อไม้ฝรั่งปรุงสุกในเนย

วันอังคาร

  • มื้อเช้า : ไข่เจียวใส่ มะเขือเทศ โหรพา และผักโขม
  • มื้อเที่ยง : นมอัลมอนด์ เนยถั่ว ผักโขม ผงโกโก้ และสตีเวียมิลค์เชค (สมูทตี้คีโตเพิ่มเติมที่นี่) กับสตรอเบอร์รีหั่นเคียง
  • มื้อเย็น : ทาโก้ชีส และซัลซ่า

วันพุธ

  • มื้อเช้า : นมถั่ว พุดดิ้งเม็ดเจีย แต่งหน้าด้วยมะพร้าวและแบล็คเบอร์รี
  • มื้อเที่ยง : สลัดอโวคาโดและกุ้ง
  • มื้อเย็น : พอร์คชอป กับพาเมซานชีส บล็อคโคลี และสลัด

วันพฤหัสบดี

  • มื้อเช้า : ไข่เจียว กับอโวคาโด ซัลซ่า เปปเปอร์ หอม และเครื่องเทศ
  • มื้อเที่ยง : ถั่วหนึ่งกำมือ เซเลอรีหั่นแท่งกินกับกัวคาโมเล่และซัลซ่า
  • มื้อเย็น : ไข่ยัดไส้เพสโต้กับครีมชีส และบวบย่างเคียง

วันศุกร์

  • มื้อเช้า : กรีกโยเกิร์ตไม่มีน้ำตาล โยเกิร์ตธรรมชาติกับเนยถั่ว ผงโกโก้ และเบอร์รีต่างๆ
  • มื้อเที่ยง : ทาโก้เนื้อบดห่อด้วยผักกาดหอมพริกไทยหั่น
  • มื้อเย็น : กะหล่ำดอกอบชีสกับผักรวม

วันเสาร์

  • มื้อเช้า : แพนเค้กครีมชีส กับบลูเบอร์รีและเคียงกับเห็ดย่าง
  • มื้อเที่ยง : สลัดเส้นซูกินีและบีท
  • มื้อเย็น : ปลาเนื้อขาวย่างในน้ำมันมะกอกกับคะน้า และเมล็ดสนคั่ว

วันอาทิตย์

 

  • มื้อเช้า : ไข่ดาว กับเห็ด
  • มื้อเที่ยง : ไก่ผัดซอสโรยงาคาร์บต่ำ กับบล็อกโคลี
  • มื้อเย็น : ฟักสปาเก็ตตี้โบโลเนส
ในระยะยาวพยายามหมุนเวียนผักและเนื้อสัตว์ เพราะแต่ละชนิดให้สารอาหารและประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพแตกต่างกัน

ในกรณีที่หิวระหว่างมื้ออาหาร นี่คือตัวอย่างของว่างที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นคีโต

 

  • เนื้อหรือปลาที่มีไขมัน
  • ชีส
  • ถั่วหรือเมล็ดต่างๆ หนึ่งกำมือ
  • ซูชิคีโต
  • มะกอก
  • ไข่ต้มหรือไข่ยัดไส้ หนึ่งหรือสองลูก
  • ขนมคีโต
  • ดาร์กช็อคโกแลต 90%
  • กรีกโยเกิร์ตแบบไม่เอาไขมันออก ผสมกับเนยถั่ว และผงโกโก้
  • พริกหวานและกัวคาโมเล่ ((สเปน: guacamole) เป็นอาหารประเภทเครื่องจิ้ม ทา
  • สตรอเบอร์รีและชีสสด
  • เซเลอรีกับซัลซ่าและกัวคาโมเล่
  • เนื้อแห้งบีฟเจอร์กี้คือเนื้อหมักที่ผ่านการอบแห้งหรือรมควันในเตาอบ ทำให้กลายเป็นของว่างพร้อมทาน.
  • อาหารที่เหลือเล็กน้อยจากมื้ออื่น
  • แฟตบอมบ์

ผลข้างเคียงและการจัดการ

ถึงแม้ว่าโดยปกติทั่วไปแล้ว การกินแบบคีโตจีนิคจะปลอดภัยกับคนส่วนใหญ่ที่มีสุขภาพดี แต่ก็ยังอาจจะมีผลข้างเคียงในช่วงแรกที่ร่างกายกำลังปรับตัว มีหลักฐานว่าผลกระทบเหล่านี้ มักจะเรียกกันว่า ไข้คีโต ตามรายงานจากตารางการกินอาหาร มันมักจะมากเกินไปในช่วงวันแรกๆ อาการของไข้คีโต คือ ท้องเสีย ท้องผูก และอาเจียน และบางอาการที่ไม่ค่อยพบบ่อยนัก เช่น
  • อ่อนแรงและการจัดการอารมณ์
  • หิวบ่อยขึ้น
  • ปัญหาการนอนหลับ
  • คลื่นไส้
  • ปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร
  • ความสามารถในการออกกำลังกายน้อยลง
เพื่อที่จะลดปัญหาเหล่านี้ ในช่วงสัปดาห์แรก คุณสามารถเปลี่ยนมื้ออาหารเพียงแค่หนึ่งมื้อของแต่ละวันเป็นคีโตจีนิค และเปลี่ยนเป็นสองมื้อต่อวันในสัปดาห์ที่สอง และคุณยังสามารถลองกินอาหารคีโตตามตารางอาหารข้างต้นในสัปดาห์ที่สาม สิ่งนี้จะสอนร่างกายของคุณให้เผาผลาญไขมันมากขึ้น ก่อนที่คุณจะตัดคาร์บออกไปอย่างสิ้นเชิง การกินแบบคีโตจีนิค ยังสามารถเปลี่ยนระบบสมดุลน้ำและแร่ธาตุในร่างกายได้ด้วย ดังนั้นการเพิ่มเกลือลงไปในมื้ออาหารของคุณ หรือกินแร่ธาตุเสริมอาจจะช่วยได้ ต้องปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายของคุณ ในช่วงเริ่มต้น การกินจนคุณรู้สึกอิ่มเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และหลีกเลี่ยงความเข้มงวดมากเกินไปเกี่ยวกับแคลอรี โดยปกติแล้วคีโตจีนิคจะทำให้น้ำหนักลดโดยไม่ต้องควบคุมแคลอรี

สรุป

ผลข้างเคียงหลายอย่างจากการเริ่มต้นการกินแบบคีโตจีนิคสามารถควบคุมได้ การลดความตึงเครียดเกี่ยวกับอาหารและการกินแร่ธาตุเสริมสามารถช่วยได้

ความเสี่ยงของการกินแบบคีโต

การกินคีโตเป็นระยะเวลานาน อาจจะมีผลกระทบด้านลบได้ ยกตัวอย่างเช่น
  • โปรตีนในเลือดต่ำ
  • ไขมันในตับสูง
  • นิ่วในไต
  • ขาดธาตุอาหาร
กลุ่มยาที่เรียกว่า Sodium-glucose cotransporter 2 (SGLT2) inhibitors ซึ่งเป็นกลุ่มยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2  สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงร่วมกับเลือดเป็นกรดจากสารคีโตน (Diabetic Ketoacidosis)ได้  ดังนั้นคนที่กินยากลุ่มนี้อยู่ควรหลีกเลี่ยงการกินคีโต มีการศึกษาค้นคว้าเพิ่มขึ้นเกิดขึ้นมาก ด้วยความตั้งใจที่อยากให้การกินคีโตสามารถทำได้แบบระยะยาว ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการกินอาหารของคุณ

สรุป

มีผลข้างเคียงจากการกินแบบคีโต ซึ่งควรปรึกษาแพทย์ ถ้าคุณต้องการที่จะกินแบบคีโตต่อไปแบบระยะยาว

อาหารเสริมสำหรับการกินแบบคีโตจีนิค

ถึงแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริม แต่อาหารเสริมบางตัวก็มีประโยชน์

  • โอเมก้า3 อาหารเสริมมีประโยชน์กับคนกินแบบคีโตจีนิค เพราะจะช่วยรักษาระดับกรดโอเมกา3-โอเมกา6 ที่ดี เมื่อคุณกินอาหารแบบที่มีไขมันสูง ยิ่งไปกว่านั้น อาหารเสริม โอเมกา3 ช่วยให้คีโคจีนิคได้ผลมากขึ้นและดีต่อสุขภาพ
  • แร่ธาตุ เพิ่มเกลือและแร่ธาตุอื่นๆ สำคัญมาก ในช่วงกำลังเริ่มต้น เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนสมดุลน้ำและแร่ธาตุ
  • เวย์ แหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่สกัดจากนมวัว หรือถั่ว ใช้เวย์โปรตีนครึ่งช้อน ใส่ในเชคหรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มโปรตีนต่อวันของคุณ เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เวย์ที่มีรสชาติอร่อยออนไลน์

คำถามที่พบบ่อย

  1. 1.ฉันจะยังสามารถกินคาร์บได้อีกหรือไม่ได้ แต่ต้องลดปริมาณคาร์บอย่างมากในช่วงต้น หลังจากช่วง 2-3 เดือนแรก คุณสามารถกินคาร์บได้ในตามโอกาส และรีบกลับมากินคีโตทันทีหลังจากนั้น

    2.จะสูญเสียกล้ามเนื้อหรือไม่ มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียกล้ามเนื้อในการควบคุมอาหารไม่ว่าแบบใดก็ตาม ปริมาณโปรตีนและระดับคีโตนที่สูง อาจจะช่วยให้การเสียกล้ามเนื้อลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณยกเวทด้วย

    3.สามารถสร้างกล้ามเนื้อระหว่างการกินแบบคีโตจีนิคได้หรือไม่ ได้ แต่อาจจะไม่ได้ผลดีเท่าการกินคาร์บแบบปานกลาง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกินแบบคาร์บต่ำหรือกินแบบคีโต และประสิทธิภาพการออกกำลังกาย สามารถอ่านได้ที่บทความนี้

    4.ฉันสามารถกินโปรตีนได้เท่าไหร่ โปรตีนควรเป็นระดับปานกลาง ถ้าปริมาณโปรตีนมากเกินไปสามารถขัดขวางระดับอินซูลิน และทำให้คีโตนต่ำลง โปรตีนประมาณ 35% ของปริมาณแคลอรีทั้งหมดน่าจะเป็นระดับสูงสุดแล้ว

    5.ถ้ารู้สึกเหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง หรืออ่อนล้า อยู่บ่อยๆ กระบวนการเผาผลาญไขมันที่สะสมเพื่อให้เกิดพลังงานของคุณอาจจะไม่สมบูรณ์ หรือการใช้ไขมันและคีโตนไม่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไปต่อได้ ต้องลดปริมาณคาร์บลง และกลับไปดูประเด็นต่างๆด้านบน และอาหารเสริมพวกกรดไขมันอิ่มตัวสายกลางหรือคีโตนอาจจะช่วยได้เช่นกัน

    6.ทำไมปัสสาวะมีกลิ่นเหมือนผลไม้ อย่าตกใจไป นี่คือเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่ร่างกายผลิตขึ้นระหว่างกระบวนการคีโตซิส

    7.ลมหายใจมีกลิ่น สามารถทำอย่างไรได้บ้าง เป็นผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไป พยายามดื่มน้ำและเคี้ยวหมากฝรั่งสูตรไร้น้ำตาล

    8.คีโตซิสอันตรายมาก จริงหรือไม่ คนมักจะสับสนระหว่างคีโตซิส(ketosis) กับคีโตเอซิโดซิส(ketoacidosis) ซึ่งคีโตเอซิโดซิสนั้นอันตราย แต่คีโตซิสจากการกินแบบคีโตจีนิคปกติแล้วปลอดภัยต่อคนสุขภาพดี ควรปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนการเริ่มทานอาหารแบบใหม่

    9.ควรทำอย่างไร เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่ายและท้องร่วง นี่เป็นผลข้างเคียงที่มักพบได้ทั่วไป และจะหายไปหลังจาก 3-4 สัปดาห์ ถ้าไม่หาย ลองกินผักที่มีเส้นใยสูงมากขึ้น

    สาระสำคัญ การกินแบบคีโตเจนิค จะเป็นผลดีกับบุคคลเหล่านี้
    • น้ำหนักมากเกินไป
    • เป็นโรคเบาหวาน
    • ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพระบบเผาผลาญ
    อาจจะไม่เหมาะกับนักกีฬาหรือคนที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อหรือน้ำหนัก อาจจะไม่สามารถทำได้อย่างยั่งยืนกับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และความต้องการที่แตกต่าง ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับตารางอาหารและเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อช่วยในการตัดสินใจว่าการกินคีโตเหมาะสมกับคุณหรือไม่

บริษัท สยาม นูทรี โปร จำกัด

THE NEW WAVE ON THE SEA OF DIETARY SUPPLEMENTS!

ติดต่อเรา

บริษัท สยาม นูทรี โปร จำกัด
38, 40 ซอย พัฒนาการ 30
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง
กรุงเทพมหานคร 10250

ติดตามเรา

บริษัท สยาม นูทรี โปร จำกัด

THE NEW WAVE ON THE SEA OF DIETARY SUPPLEMENTS!

ติดต่อเรา

บริษัท สยาม นูทรี โปร จำกัด
38, 40 ซอย พัฒนาการ 30
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง
กรุงเทพมหานคร 10250

ติดตามเรา

© Copyright 2022 nutriversumthailand.com